หนังสือเรียนภาษาไทย มานี มานะ



ไม่แน่ใจว่าเด็กรุ่นใหม่นี้จะยังรู้จักตัวละคร มานี มานะ ชูใจ ปิติ ในหนังสือแบบเรียนภาษาไทยกันอยู่หรือเปล่า เพราะหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาไทยในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ดิฉันเชื่อว่าสำหรับเด็กประถมเมื่อสมัย 20 กว่าปีถึง 30ปีที่แล้วจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแน่นอน เพราะตามหน้าปกบอกว่าหลักสูตรปี 2521 (ตอนนั้นยังไม่เกิดเลย อิอิ)

เมื่อลองอ่านหนังสือแบบเรียน(ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากเหล่าอัพโหลดเดอร์ทั้งหลาย)ดูแล้ว ดิฉันยอมรับว่าเป็นหนังสือประกอบการเรียนที่สนุกมาก เหมือนอ่านนิยายสำหรับเด็กเลย แต่เป็นนิยายที่สอดแทรกคำสอนและความรู้ต่างๆเอาไว้อย่างแนบเนียน ตัวละครต่างๆดูมีชีวิตชีวา และมีบุคลิกต่างๆกันไป มีทั้งเรื่องราวการดำเนินชีวิตประจำวัน มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความรู้รอบตัว รวมไปถึงวรรณคดีไทยต่างๆ ซึ่งนับได้ว่าผู้แต่งแบบเรียนเก่งมากๆ ที่สามารถแต่งหนังสือเรียนออกมาได้สนุกได้ขนาดนี้



เรื่องราวในหนังสือแบบเรียนภาษาไทยทั้ง 12 เล่มจะเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันไป และพัฒนาความซับซ้อนของเนื้อหาไปตามลำดับ ตัวละครหลักๆ ก็น่าจะมี มานี มานะ ชูใจ ปิติ วีระ รองลงไปก็เป็น พ่อแม่ ย่า ลุง เพื่อนๆของพวกเขาอย่าง เพชร สมคิด ดวงแก้ว จันทร และคนอื่นๆอย่างคุณครูไพลิน เกษตรอำเภอทวีป ที่ขาดไม่ได้ก็เป็นบรรดาสัตว์เลี้ยงต่างๆ อย่าง เจ้าโตซึ่งเป็นหมาคู่ใจของมานี สีเทาแมวของชูใจ ม้าของปิติชื่อเจ้านิล(ก่อนหน้านี้ปิติมีม้าชื่อเจ้าแก่) เจ้าจ๋อลิงของวีระ ซึ่งจะมาช่วยสร้างสีสัน(และเสียงหัวเราะ?)ให้กับเรื่องราวในหนังสือ

บุคลิกของตัวละครก็มีหลากหลาย แต่ที่ดิฉันชอบมากที่สุดก็คือมานี เพราะถือเป็นเด็กดีในอุดมคติมากๆ คือเป็นคนดี มีน้ำใจ รักเพื่อน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือ เรียกได้ว่าสารพัดความดีจะอยู่ที่มานีเกือบทั้งหมด และตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ชอบก็คือ ชูใจ ซึ่งผู้เขียนสร้างลักษณะของชูใจให้มีลักษณะที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบตรงข้ามกับมานี เพราะชูใจไม่มีพ่อแม่ อยู่กับย่าและอา ไม่เหมือนกับมานีที่มีครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอบอุ่น แต่ชูใจไม่เคยเอาเรื่องที่ตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบมาเป็นเหตุผลในการทำตัวไม่ดี ตรงกันข้ามกลับเป็นคนที่สู้ชีวิตและมีความกตัญญู
เด็กทั้งสองคนนี้จะมีลักษณะที่เหมือนกันคือความเป็นเด็กดี(มากๆ) ตลอดทั้งเรื่องจะไม่ได้เห็นมานีและชูใจซนหรือทำเรื่องแผลงๆ จะออกไปในแนวเด็กเรียน เรียบร้อย ชอบทำกิจกรรม ชอบช่วยเหลือคนอื่น ช่วยผู้ปกครองทำงานบ้าน เหมือนหนังสือจะบอกเป็นนัยๆว่า ถ้าอยากเป็นที่รักของพ่อแม่ครูบาอาจารย์และคนรอบข้างต้องทำตัวดีๆแบบนี้นะจ๊ะ แต่ดิฉันก็ชอบทั้งสองคนนี้ค่ะ แม้ว่าตัวเองจะไม่มีคุณสมบัติอย่างที่มานีและชูใจเป็นอยู่เลยก็ตาม เหมือนที่เค้าว่าคนที่มีคุณสมบัติตรงข้ามกันจะดึงดูดกัน 555

คนอื่นๆอย่างวีระ มานะ ปิติ ก็ถือว่าเป็นเด็กดีเหมือนกัน เพียงแต่ด้วยความที่เป็นเด็กผู้ชายก็เลยต้องมีเรื่องราวเล่นซน หรือผจญภัยกันบ้าง วีระและมานะจะไม่ค่อยเท่าไหร่ ดูเหมือนผู้เขียนจะวางให้ทั้งสองคนนี้เป็นพี่ใหญ่ ที่เป็นตัวอย่างที่ดีและคอยดูแลน้องๆ ปิติเสียอีกที่อาจจะออกนอกกรอบบ้าง เช่น แกล้งหลอกยายว่ามีดบาดมือ จนทำให้ยายต้องเล่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะเป็นการสอนใจ ซึ่งดิฉันรู้สึกว่าปิติไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีต่างๆด้วยความตั้งใจ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง แต่เขาก็มีทั้งยาย และเพื่อนๆอย่างวีระ และมานะ คอยช่วยเตือนช่วยสอน ซึ่งปิติก็ยอมรับคำสอนเหล่านั้นและนำมาปรับปรุงข้อบกพร่องของตนเอง

ตัวละครที่น่าสนใจอีกคนหนึ่งก็คือ เพชร ซึ่งมีเรื่องราวชีวิตที่มีสีสันมาก ถือเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการยอดเยี่ยมคือเริ่มมาจากเกือบติดลบ ครอบครัวไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ยากจน ไม่ได้เรียนหนังสือ จนกระทั่งได้มาพบกับความเมตตากรุณาของลุงของวีระ และด้วยความขยันอดทนที่เป็นคุณสมบัติติดตัวมา ชีวิตความเป็นอยู่ของเพชรและครอบครัวจึงดีขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันชอบอ่านตอนของเพชรเพราะชีวิตของเพชรมักจะได้ผจญภัยอยู่เรื่อยๆ 555 ซึ่งผู้เขียนคงจะเข้าใจนิสัยของเด็กๆว่ามีความอยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย จึงได้แต่งเรื่องราวของเพชรให้ออกมาน่าตื่นเต้นสลับกับเรื่องราวของตัวละครอื่นๆที่ค่อนข้างจะราบเรียบ

ดิฉันขอรีวิวเรื่องราวคร่าวๆของหนังสือแบบเรียนภาษาไทย ฉบับมานีมานะเพียงแค่นี้ก่อนค่ะ หากใครสนใจอยากรู้ว่าสนุกขนาดไหน ลองโหลดไปอ่านดูได้นะคะ
ขออภัยที่ไม่ได้ใส่เครดิตค่ะเพราะลืม ขอโทษๆๆๆๆๆผู้เผยแพร่จริงๆ วันหลังจะพยายามไม่ลืมนะคะ



หนังสือเรียนภาษาไทย ป.1 เล่ม 1
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.1 เล่ม 2
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.2 เล่ม 1
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.2 เล่ม 2
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.3 เล่ม 1
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.3 เล่ม 2
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.4 เล่ม 1
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.4 เล่ม 2
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.5 เล่ม 1
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.5 เล่ม 2
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.6 เล่ม 1
หนังสือเรียนภาษาไทย ป.6 เล่ม 2

รถนักฟุตบอลทีมชาติโตโกถูกลอบยิง!!

รถนักฟุตบอลทีมชาติโตโกถูกลอบยิง ขณะกำลังเดินทางไปแข่งขันศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ!!
จริงๆแล้วเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา แต่ดิฉันเพิ่งจะทราบข่าววันนี้เองค่ะ ฟังแล้วรู้สึกใจหายเหมือนกัน ยิ่งได้รู้ว่ามีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายรายจากเหตุการณ์นี้ ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ยิ่งไปอีก

จริงๆแล้ว ไม่ว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม มันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าอยู่แล้วค่ะ จากข่าว รถบัสของทีมชาติโตโกถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายซุ่มยิงโจมตีด้วยปืนกล(ข่าวรายงานว่า ถูกกระหน่ำยิงอย่างหนักยาวนานกว่า 30 นาที!!!) ระหว่างเดินทางเข้าสู่ประเทศแองโกลา
ซึ่งทำให้คนขับรถบัสเสียชีวิตทันทีในสถานที่เกิดเหตุ และต่อมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 2 รายโดยทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่ทีม โตโก เป็นเจ้าหน้าที่ทีม โตโก คือโฆษกของสโมสรและผู้ช่วยโค้ช นอกจากนั้นแล้วยังมี 9 ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ส่วน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กัปตันทีมชาติโตโก และ กองหน้าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ซึ่งโดยสารมาในรถคันเกิดเหตุด้วย ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น อเดบายอร์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมได้เดินทางเข้าไปในแองโกลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ก็ถูกคนร้าย(ซึ่งข่าวรายงานว่า เป็น กลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนเพื่อเสรีภาพของคาบินด้า หรือเอฟแอลอีซี ) กระหน่ำยิงอย่างหนัก ซึ่งนักเตะทุกคนต่างตกอยู่ในสภาพช็อค และคิดว่าพวกเขาจะต้องตายแน่ๆ

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ทีมชาติโตโก อาจถอนตัวจากศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 ก็เป็นได้--ยังไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ว่าจะถอนตัวจริงหรือไม่ ต้องรอตามข่าวอย่างใกล้ชิด


ทางด้าน ซูเลย์มาเน่ ฮาบูบ้า ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา (ซีเอเอฟ) ได้แถลงข่าวยืนยันว่า การแข่งขัน แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 ที่ประเทศแองโกลา ระหว่างวันที่ 10-31 ม.ค.นี้ จะยังดำเนินต่อไปตามกำหนดเดิม

ส่วนทางด้านเวอร์จิลิโอ ซานโต๊ส เจ้าหน้าที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันศึกฟุตบอล แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 ของประเทศแองโกล่า (โคแคน) ก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า ทีมชาติโตโกไม่ได้ไม่ได้แจ้งให้ฝ่ายจัดการแข่งขันทราบว่าจะเดินทางมาด้วยรถบัส ซึ่งการเดินทางมาด้วยรถบัสเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ซึ่งรายละเอียดการสัมภาษณ์ตามอ่านได้ ที่นี่ ค่ะ ส่วนตัวดิฉันอ่านแล้ว พูดไม่ออก บอกไม่ถูก เอาเป็นว่า no comment ก็แล้วกัน

ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียทุกฝ่ายด้วยค่ะ

ขอบคุณแหล่งข่าวจาก
http://www.siamsport.co.th ค่ะ

ลีโอเนล เมสซี่ : บัลลงดอร์ 2009

























ในที่สุดรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป หรือบัลลงดอร์ ประจำปี 2009 จากการประกาศของนิตยสารฟร้องซ์ ฟุตบอล ก็ได้ประกาศรายชื่อผู้โชคดี เอ๊ย ผู้ที่ได้รับคัดเลือกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ได้แก่ ลีโอเนล เมสซี่ เทพเจ้าของบาร์เซโลน่า และทีมชาติอาร์เจนติน่า ( เอ่อ นี่เราจะเชียร์ออกหน้าออกตาไปรึเปล่านี่ ก็คนมันดีใจอ่ะนะ 555)
ซึ่งคะแนนโหวตของเมสซี่ ทิ้งห่างจากอันดับสอง คือ หนูโด้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากเรอัล มาดริด ถึง 240 คะแนน (น้องลีโอได้ 473 คะแนน ส่วนหนูโด้ได้ไป 233 คะแนน)

ผลงานของเมสซี่ในปีที่ผ่านมา ที่ช่วยให้เขาโดดเด่นในใจคณะกรรมการก็คือ การมีส่วนช่วยให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ UEFA Champions League รวมไปถึงอีกสอง

แชมป์ คือ ลาลีกา และโคปา เดล เรย์ ซึ่งเมสซี่ก็ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์กับฟร้องซ์ ฟุตบอลว่า "พูดกันตามความจริงแล้ว ผมรู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตัวเต็งเพราะบาร์เซโลน่า มีปีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในปี 2009"

ประวัติทั่วๆไปของน้องลีโอ คือ มีชื่อเต็มว่า ลิโอเนล อันเดรส เมสซี เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 เป็นชาวอาร์เจนติน่า(ประเทศเดียวกับ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ ที่เราชอบๆๆๆๆ มากอีกเหมือนกัน ไว้วันหลังมีโอกาสจะเขียนถึง) เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 5 ขวบ สโมสรแรกที่สังกัดคือ นีเวลล์ โอลด์ บอย
เมสซี่มีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน จึงทำให้เขาเจิญเติบโตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่บาร์เซโลน่ามองเห็นพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวของหนูน้อยคนนี้ จึงยื่นข้อเสนอให้กับพ่อแม่ของเมสซี่ว่า ถ้าเซ็นต์สัญญาเข้าเป็นนักเตะในสังกัดแล้วจะจ่ายค่ายาค่ารักษาพยาบาลให้(บาร์ซ่าเลี้ยงต้อย 555) ซึ่งถือว่าการทำสัญญาครั้งนี้คุ้มค่ามาก เพราะตอนนี้เมสซี่เป็นนักฟุตบอลระดับ World class ไปแล้ว และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ๆหลายรายการ
























เกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเมสซี่

1.เมสซี่ไปทดสอบฝีเท้ากับทีมเยาวชนบาร์เซโลน่า เมื่ออายุ 13 ปี และได้เข้าร่วมทีมชุด B ของบาร์เซโลน่าได้อย่างไม่ยากเย็น
2.เข้าร่วมทีมชุดใหญ่ ในเดือนตุลาคม 2004 ในนัดที่บาร์เซโลน่า พบ เอสปัลญ่อล
3.ประตูแรกที่ทำได้ในทีมชุดใหญ่ คือ แมตช์ที่บาร์เซโลน่า พบ อัลบาเซเต้ 1 พฤษภาคม 2005
4.เม สซี่ได้รับสัญชาติสเปน เมื่อ25 กันยายน 2005 ทำให้เขาสามารถลงสนามให้กับบาร์เซโลน่า ได้อย่างถูกต้องตามกฏที่ว่าห้ามมีนักเตะนอกสหภาพยุโรป เกิน 3 คนในทีม
5.เคยได้รับข้อเสนอจากทีมชาติสเปนด้วย แต่เมสซี่ยืนยันว่า เขาจะลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าเท่านั้น(เจ๋งมาก ลีโอ)
6.ได้ ลงสนามให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า เป็นครั้งแรก ในเดือนมิถุนายน ปี 2004 ในนัดที่ทีมชุดอายุไม่เกิน 20 ปี เตะอุ่นเครื่องกับ ปารากวัย
7.ในเดือน มิถุนายน ปี 2005 เมสซี่ กลายเป็นดาวเตะผู้พาทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี คว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศฮอลแลนด์ มาครองได้ และยังเป็นดาวซัลโวของการแข่งขัน ด้วยการซัดไป 6 ประตู นอกจากนั้นยังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของการแข่งขันอีกด้วย (ไงล่ะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร)
8.4 สิงหาคม ปี 2005 โฮเซ่ เปร์เกร์มัน กุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า ก็เรียก เมสซี่ ไปติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดที่ทีม "ฟ้า-ขาว" พบกับ ฮังการี
9.อย่าง ไก็ตาม นัดแรกในทีมชาติชุดใหญ่ของเมสซี่ จบลงไม่ค่อยสวยนัก เมื่อเขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากที่ลงสนามไปได้ 3 นาทีเท่านั้น จากการทำฟาวล์รุนแรงในจังหวะเข้าปะทะแย่งบอลครั้งแรก(' อ่ะนะ ก็ผมมันวัยรุ่นนี่นา มันก็ต้องมีกันบ้าง' เมสซี่อาจจะนึกเถียงกรรมการในใจ)
10.ได้ รับสมญานามว่า 'นิวมาราโดน่า' อันนี้จากที่เราได้ติดตามข่าวมานาน รู้สึกว่าพี่เตี้ย มาราโดน่า จะเอ็นดูเมสซี่มากๆด้วย ประหนึ่งลูกเลยทีเดียว มักจะมีภาพข่าวทั้งสองไปนู่นมานี่ด้วยกันบ่อยๆ เวลาเมสซี่ไปเยี่ยมอาร์เจนติน่า บ้านเกิด


เครดิต http://www.uefa.com/competitions/ucl/news/kind=1/newsid=927070.html
http://www.fcbarcelona.com/web/english
http://en.wikipedia.org/wiki/Lionel_Messi

โพสต์เมื่อ 4/12/2009

Wentworth Miller ถ่ายหนัง Resident Evil4




หลังจากแหกคุก และช่วยพี่ชายออกมาได้สำเร็จ พี่ไมเคิล สกอฟิลด์ ของทุกคน ก็มีภารกิจต่อมา คือ ผจญซอมบี้กับอลิซใน Resident Evil ภาค4 ฮ่าๆๆๆ

อืม สงสัยจะติดภาพจากซีรี่ส์ Prison Break ไปซะแล้ว ทำให้เวลาเห็นหน้าเฮียเว้นท์ทีไร ต้องคิดว่าพี่เค้าจะไปแหกคุกทุกที (หรือว่า Resident Evil ภาคนี้เฮียเค้าจะไปช่วยอลิซแหกคุกฟะ? อืม น่าคิดๆ)

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จากภาพที่เห็น เฮียเว้นท์ผอมลงแล้ว! หลังจากที่อืดขึ้นมาอยู่พักนึง (ได้ข่าวว่าชอบกินกาแฟสตาร์บั๊ค+วิปครีมเยอะๆๆๆ---- เมนูโปรด Starbuck frappucino) หุหุ กล้าพูด ตัวเราเองก็ไม่ได้ผอมเลยเนอะ

นี่คือหลักฐานว่าทำไมพี่เค้าถึงอืด ---นั่นจะซื้อไปฝากใคร หรือคุณพี่จะกินทีละสองแก้วคะ (ดูท่าทางพี่แกมีความสุขมากเวลามีของกิน 5555)

ว่าถึงเรื่องหนังกันต่อ สำหรับเนื้อเรื่องโดยคร่าวๆของหนังภาคนี้ เท่าที่หาได้ ก็จะเป็นประมาณว่า
โลกจะเต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้และมนุษย์ที่ได้รับเชื้อจากไวรัสที่แพร่กระจาย ก่อนหน้านี้ , Alice ยังคงออกเดินทางเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและนำพวกเค้าไปยังที่ที่ปลอดภัย ซึ่งนี่ถือเป็นการต่อสู้ระหว่างเธอ กับบริษัท Umbrella , และเธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าคนนึงที่ติดต่อให้เธอไปยัง Los Angeles แต่ทว่าเมื่อไปถึงกลับพบว่าเมืองทั้งเมืองได้ถูกเหล่าซอมบี้ครอบครองไปหมด แล้ว และกลับกลายเป็นพวกเธอตกไปอยู่ในกับดักอันคาดไม่ถึง

สำหรับ เหล่านักแสดงที่จะมาโผล่ในภาคนี้ก็มี Ali Larter , Spencer Locke , Wenwoth Miller (ที่ว่ากันว่าจะมาเป็น Chris Redfield), Shawn Roberts, Boris Kodjoe, Kim Coates, Norman Yeung และ Kasey Barnfield. กำหนดฉายของหนังภาคนี้อยู่ที่เดือนสิงหาคมปีหน้า (2010) และดูเหมือนจะเป็นภาคสุดท้ายสำหรับหนังเรื่องนี้ ( เออ ให้มันจริงเถอะ :p)

อืม เฮียเว้นท์อาจจะได้เล่นเป็น Chris Redfield หรือนี่
----- สมาชิกของหน่วย S.T.A.R.S. อัลฟ่าทีม เคยเป็นสมาชิกของ USAF ซึ่งมีประสบการณ์ในการขับเครื่องบินแต่วันนึงคริสก็ต้องออกจากหน่วย แล้วได้ถูก แบรี่ชักชวนมาเป็นสมาชิกของหน่วย S.T.A.R.S. มีทักษะในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและยังสามารถใช้อาวุธปืนต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว โดยมีมีดเป็นอาวุธคู่ใจ
--------

ดูจากรูปเปรียบเทียบแล้ว ก็คิดว่าน่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้นั่นแหละ แต่สำหรับเราแล้ว รู้สึกว่าบุคลิกโดยรวมของพี่เว้นท์ก็ยังดูไม่ค่อยใช่เท่าไหร่ สำหรับ คริส เรดฟิลด์ (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว) เรารู้สึกว่า บทนี้น่าจะเป็นของ เจอร์ราร์ด บัทเลอร์มากกว่า
แต่ก็อย่างว่าแหละ หนังยังไม่ฉายเราก็คงวิจารณ์อะไรมากไม่ได้ คงต้องรอดูกันต่อไป เอาวะ อย่างน้อยได้เห็นเฮียเว้นท์เล่นหนังแหละน่า (หลังจากโผล่มานิดๆหน่อยๆใน Underworld ภาค1 และหลังจากนั้นผันตัวเองไปเป็น Idol ทางด้านการแหกคุก 5555 ยังจิกกัดไม่เลิก)


นอกเหนือจากข่าวเกี่ยวกับพี่เว้นท์ในหนังเรื่องนี้แล้ว ก็ยังมีคลิปที่ Milla Jovovich ได้ถ่ายเบื้องหลังการถ่ายทำ RE4 ไว้แล้วนำมาอัพลงในทวิตเตอร์ให้แฟนๆได้ดู อีกด้วย มีตอนที่ไปคุยกับพี่เว้นท์และฉากต่างๆในหนังให้ดูพอหอมปากหอมคอ ดังต่อไปนี้

มิลล่าสัมภาษณ์เฮียเว้นท์จ้า

ฉากสุสานเครื่องบิน

มิลล่าพาทัวร์(อิอิ)ห้องแต่งตัวและสถานที่ถ่ายทำ



เครดิต : www.pantip.com/cafe/chalermthai
www.play.in.th

รู้ทันหวัด2009

เชื่อว่า ทุกวันนี้ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อโรค หวัด 2009 แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าจริงๆแล้วโรคนี้เป็นอย่างไร มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน ขอบอกเลยว่า เราเองก็เป็นคนหนึ่งล่ะที่ไม่รู้ ฮ่าๆๆ

แต่ในเมื่อโรคนี้มันเป็นเทรนด์ฮิตของปีซะขนาดนี้ จึงสมควรที่เราจะต้องทำความรู้จักกับโรคนี้ซะหน่อย เพื่อที่จะได้ไม่ตกยุค เอ๊ย!ไม่ใช่ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือได้ถูกว่าหวัด 2009นี้ จะมีอันตรายหรือก่อเหตุกับร่างกายอันเป็นที่รักยิ่งของเราและกับบุคคลรอบข้างอย่างไรกันบ้าง

มาดูกัน
ไข้หวัดชนิดนี้ เดิมถูกเรียกว่า "ไข้หวัดหมู" ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อตามสถานที่แพร่ระบาดเริ่มแรกเป็น "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดในประเทศเม็กซิโก" และปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศชื่อเรียกโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า "ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ชนิด A H1N1"

แล้วอาการมันต่างจากหวัดธรรมดาอย่างไรล่ะ?
สำหรับผู้ที่ติดโรคนี้ จะมีอาการคล้ายคนเป็นไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีน้ำมูก ไอ หายใจลำบากและ/หรือมีอาการหอบร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า คนไข้อาจมีอาการปวดท้อง,ท้องอืดหรือท้องเสียได้ด้วย

ความน่ากลัวของโรคนี้อยู่ตรงไหน?
ได้มีรายงานการทดลองจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ,สหรัฐอเมริกาว่า เชื้อหวัด2009 จะแพร่กระจายและทำลายระบบทางเดินหายใจได้เร็วและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา นอกจากนี้มันยังมีโอกาสกลายพันธุ์ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกลัวกันมากก็คือในพื้นที่ที่เคยมีไข้หวัดนกระบาด หากมีถ้ามีการผสมข้ามพันธุ์ ก็จะกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม


แล้วเราจะป้องกันตัวเองจากโรคนี้ได้อย่างไร?
หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนแออัด ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน--ในกรณีที่คุณมีอาการเป็นหวัดก็เช่นกัน อย่ามัวแต่ลังเลสงสัยว่าตัวเองจะเป็นหวัด 2009หรือไม่ ใส่หน้ากากป้องกันไว้ก่อนเลย เพื่อที่จะได้ไม่แพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ นอกจากนี้เวลาไอหรือจาม ก็อย่าลืมปิดปากนะคะ
ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอโดยเฉพาะก่อนทานอาหาร หรือหลังจากออกไปไหนต่อไหนมา ที่จับราวรถเมล์,รถไฟฟ้า,ราวบันไดต่างๆ หรือแม้แต่ปุ่มกดลิฟท์ มีโอกาสที่จะมีเชื้อโรคอยู่ทั้งนั้น -- มีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า ห้ามใช้มือขยี้ตา แคะขี้ตา แคะจมูก หรือหยิบอาหารเข้าปากด้วยมือเปล่า อย่างเด็ดขาดเพราะช่องทางที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายเราได้คือ ทางตา จมูก และทางปาก ดังนั้น เพื่อสุขอนามัยที่ดีต้องล้างมือให้สะอาดเสียก่อน
สร้างภูมิต้านทานให้กับตนเอง ทานอาหารที่มีประโยชน์,ออกกำลังกายบ้าง และพักผ่อนให้เพียงพอ
ส่วนข้างล่างนี่เพิ่มเติมจากhttp://www.flu2009thailand.comค่ะ (ใครอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับหวัด 2009 เพิ่มเติมก็ตามลิ้งค์ไปได้เลย)

1.หลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงต่างๆ เช่น สถานที่แออัด โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือจะเรียกว่า ปฏิบัติการอยู่บ้าน ต้านหวัด ก็ได้ นอกจากนั้นแล้วก็ต้องล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์

2. ระมัดระวังในการแตะต้องสิ่งของที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟท์ เช่น อาจจะหาดินสอแท่งเล็กๆ ไว้สำหรับกดลิฟท์โดยเฉพาะ แต่ระวังอย่านำดินสอแท่งนั้นมาสัมผัสหน้าหรือนำเข้าปาก หรืออาจใช้ข้อศอกผลักประตูแทนการใช้มือ

3. หลีกเลี่ยงการจับมือ การทักทายด้วยการจุมพิต หรือกิจกรรมทางสังคมอื่นๆที่อาจต้องสัมผัสกับผู้อื่นอย่างใกล้ชิด เช่น งานเต้นรำ การกอดรัดแนบชิด เป็นต้นที่สำคัญหลีกเลี่ยงการเอามือจับจมูก ปาก ขยี้ตา อันเป็นโอกาสนำเชื้อที่อาจอยู่ที่มือเราเข้าไปสู่ร่างกายได้

4. ไม่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะยิ่งทำให้คุณมีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ง่ายขึ้น และอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้

5. เมื่อกลับถึงบ้าน ล้างมือ อาบน้ำ สระผมทันที ก็มีส่วนช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค

6. ช่วยลดการระบาดด้วยการระมัดระวังเรื่องสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจเมื่ออยู่ ร่วมกับผู้คน (เช่น การไอหรือจาม) ถ้าไม่มีผ้าปิดปาก ให้ไอหรือจามใส่แขนเสื้อท่อนบน ก็จะช่วยให้เชื้อโรคอยู่เฉพาะบริเวณนั้น ไม่แพร่กระจายไปยังผู้อื่น (ไม่ใช้มือปิดปากเวลาไอหรือจาม เพราะมือจะเป็นตัวแพร่เชื้อโดยการสัมผัสต่อๆไป)

7. ล้างมือให้สะอาดหลังจากไอหรือจาม หรือหลังจากจับต้องสิ่งของที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อโดยผู้ที่ใช้ก่อน เรา แล้วเช็ดมือให้แห้งด้วยกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วทิ้งเลย หลีกเลี่ยงการเช็ดมือกับผ้าที่ใช้ต่อๆ กัน

8. ใช้กระดาษทิชชูเวลาที่ต้องการสั่งน้ำมูก และทิ้งเมื่อไม่ใช้แล้ว และล้างมือ

9. หากใช้หน้ากากอนามัย ควรทิ้งหลังจากที่ใช้แล้วและล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังถอดหน้ากากอนามัย

ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะคะ

คนดี เธอรู้ไหมว่าไม่มีใครแทนที่เธอ




อาจจะมีเพียงฉัน และวันแห่งความรักเรา
เหงา...มันอาจจะเหงา เมื่อเธอห่างไกลสายตา

กับบางครั้ง...ที่เหนื่อย และหัวใจมันอ่อนล้า
ฉันจะนอนหลับตา .......คิดถึงเธอ

คนดี....เธอรู้ไหม? ว่าไม่มีใครแทนที่เธอ
แม้ไม่ได้เจอ เธอยังอยู่...ในใจ

ยามใด...ที่ร้อนรน และต้องการใครสักคนเคียงใกล้
อย่างน้อย...ฉันก็มั่นใจ ......ว่ามีเธอ

ฝากกับดาวบนฟ้า หอบความคิดถึงนี้ไป
ให้เธอเก็บมันไว้ ถึงวันที่เราพบเจอ

หมื่นพันเหงา...ไม่หวั่น หัวใจมั่นเสมอ
แทนสัญญาถึงเธอ "คนไกล"คนนี้
......ยังคอย

(เครดิต: แกงส้ม EGMU04)


ใครเรียนวิศวะมหิดลน่าจะรู้จักเพลงนี้กันนะ ตัวเราเองไม่ได้เรียนวิศวะหรอก
แต่จำเพลงนี้ได้ (รองลงมาจากเพลงรักน้อง อิอิ)

คิดแล้วก็นึกถึงตอนที่อยู่หอปีหนึ่งที่มหิดลศาลายา ชึวิตมีหลายรสชาติ ทั้งสุข เศร้า เหงา ทะเลาะกับเพื่อน
กลัวผี แอบปิ๊งรุ่นพี่(อิอิ) เล็งหนุ่มๆในงานไนท์ กินข้าวร้านป้าลำไย คร่ำเคร่งกับการเรียน ไปถ่ายสติ๊กเกอร์ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า (ตอนนั้นมีเป็นร้อยรูปแต่ทุกวันนี้มันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ T_T ) ซ้อมเชียร์ เดินตลาดนัดวันศุกร์ etc.สารพัดเรื่องราว

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ดีมากๆของชีวิต แม้ว่าตอนนั้นจะแอบเครียดเพราะต้องฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่อยากเรียน
และด้วยความที่พื้นฐานการเรียนช่วงม.ปลายไม่ค่อยแน่น ทำให้ต้องขยันเพื่อเรียนให้ทันเพื่อนๆ(ถึงท้ายที่สุดจะตามไม่ทันก็เหอะ แต่ไม่ติดโปรก็ดีใจแล้ว หุหุ)
แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างในชีวิต และได้รู้จักกับคนหลายๆคนที่ในชีวิตนี้คงจะลืมไม่ได้
ถึงจะย้อนเวลากลับไปไม่ได้ แต่ศาลายาจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ ^_^ (ซึ้งฟ่ะ 555)